OVER FISHING



ประเด็นอภิปรายในห้องเรียน
-
ถ้าคุณเป็นผู้ออกแบบเกมเพื่อสอนเรื่อง Overfishing ในโรงเรียน คุณจะออกแบบยังไงให้คนเล่นเข้าใจผลกระทบและเรียนรู้ทางออก?
-
ในฐานะผู้บริโภค เราจะใช้ “พลังการเลือกซื้อ” เพื่อลด Overfishing ได้อย่างไร?
Overfishing: เมื่อเราจับปลาเร็วกว่าที่ทะเลจะฟื้นตัว
Overfishing หรือ การทำประมงเกินขนาด คือสถานการณ์ที่มนุษย์จับสัตว์น้ำในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ธรรมชาติจะผลิตซ้ำหรือฟื้นตัวได้ทัน ส่งผลให้ประชากรปลาและสัตว์น้ำในทะเลลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังทำลายสมดุลของระบบนิเวศทางทะเลในระยะยาว
ทำไม Overfishing จึงเป็นปัญหาใหญ่ของโลก?
-
รายงานจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่า
กว่า 1 ใน 3 ของแหล่งประมงทั่วโลก อยู่ในภาวะถูกใช้ประโยชน์มากเกินไป
-
การประมงแบบไม่จำกัดอาจทำให้ สัตว์น้ำหายไปถาวร จากบางพื้นที่
-
ส่งผลกระทบต่อ ห่วงโซ่อาหาร เมื่อปลานักล่าหายไป หรือปลาขนาดเล็กมีจำนวนน้อยลง
-
ภาวะการจับลูกปลาและสัตว์น้ำวัยอ่อน ทำให้ ไม่มีโอกาสขยายพันธุ์
สาเหตุของ Overfishing
-
การใช้เทคโนโลยีจับปลาที่ไม่เลือกขนาดหรือชนิด เช่น อวนลาก
-
แรงจูงใจทางเศรษฐกิจ: ความต้องการบริโภคสูง ทั้งในและต่างประเทศ
-
ขาดการควบคุมและตรวจสอบ โดยเฉพาะในพื้นที่ทะเลเปิดหรือการทำประมงผิดกฎหมาย
-
ข้อมูลไม่เพียงพอ ทำให้ประเมินไม่ได้ว่าทรัพยากรเหลืออยู่เท่าไร
ผลกระทบของการทำประมงเกินขนาด
-
ปลาหายากขึ้น ราคาสูงขึ้น แต่ชาวประมงรายย่อยกลับได้ประโยชน์น้อยลง
-
สัตว์ทะเลอื่นได้รับผลกระทบทางอ้อม เช่น เต่า โลมา หรือฉลาม ที่ติดอวนโดยไม่ตั้งใจ (Bycatch)
-
ชุมชนชายฝั่งขาดความมั่นคงทางอาหารและรายได้
-
ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง ทำให้ทะเลอ่อนแอต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
Sustainable Fishing: ทางออกเพื่ออนาคตของทะเล
“การทำประมงอย่างยั่งยืน” คือแนวทางที่ช่วยให้มนุษย์ยังสามารถใช้ประโยชน์จากทะเลได้ โดยไม่ทำลายศักยภาพของระบบนิเวศในระยะยาว หรืออีกนัยหนึ่งคือ จับปลาอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อให้ยังมีปลาจับต่อไปในอนาคต
หลักการของการประมงอย่างยั่งยืน
-
ไม่จับมากกว่าที่ธรรมชาติสามารถฟื้นตัวได้ (ไม่เกิน Maximum Sustainable Yield – MSY)
-
เลือกวิธีและเครื่องมือจับปลาที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ใช้อวนตาถี่เหมาะสม
-
หลีกเลี่ยงการจับลูกปลาและสัตว์วัยอ่อน เพื่อให้พวกมันมีโอกาสขยายพันธุ์
-
ควบคุมพื้นที่ เวลา และชนิดสัตว์ที่อนุญาตให้จับ (เช่น ฤดูปิดอ่าวหรือเขตอนุรักษ์)
ตัวอย่างแนวปฏิบัติที่ดีในประเทศไทย
-
มาตรการปิดอ่าว ในบางฤดู เพื่อให้สัตว์น้ำมีโอกาสวางไข่และฟื้นตัว
-
การเพาะฟักลูกปลาและปล่อยคืนธรรมชาติ
-
โครงการประมงพื้นบ้าน ที่ใช้เครื่องมือแบบดั้งเดิม เช่น ลอบปู ยอ หรือแหขนาดเล็ก
-
การมีส่วนร่วมของชุมชนชายฝั่ง เช่น สร้าง “ธนาคารปู” เพื่อเลี้ยงแม่ปูไข่ก่อนปล่อยคืนทะเล
เราจะช่วยสนับสนุนแนวทางนี้ได้อย่างไร?
-
เลือกบริโภค อาหารทะเลจากแหล่งที่ยั่งยืน เช่น มีฉลากรับรอง (MSC, Fishery Improvement Project)
-
สนับสนุน ชาวประมงท้องถิ่นที่ใช้วิธีจับปลาแบบไม่ทำลายธรรมชาติ
-
ร่วมกิจกรรมฟื้นฟูทรัพยากร เช่น ปลูกหญ้าทะเล หรือเก็บขยะจากแหล่งประมง
-
เป็นกระบอกเสียงและผู้เรียนรู้ที่ช่วยกระจายความรู้เรื่องปัญหาและทางออกของการประมง
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
-
กรมประมง: การประมงยั่งยืนและมาตรการควบคุม
-
WWF ประเทศไทย: โครงการฟื้นฟูประมงอย่างยั่งยืน
-
สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ ม.เกษตรศาสตร์
